PCR (พีซีอาร์)มีอยู่ 3 ขั้นตอนหลักๆ คือ 1. Denaturing คือ เป็นขั้นตอนการแยกดีเอ็นเอ(DNA)ที่เป็นเกลียวคู่ หรือ Double Strand DNA (คือ สภาพ Native DNA) ด้วยการเพิ่มอุณหภูมิอย่างช้าๆจนกลายเป็นดีเอ็นเอ(DNA)สายเดี่ยว หรือ Single Strand DNA (คือ สภาพ Denatured DNA) อุณหภูมิที่ใช้อยู่ในช่วง 90-95 องศาเซลเซียส 2. Annealing คือ เป็นขั้นตอนการลดอุณหภูมิลงอย่างช้าๆและใส่ไพร์เมอร์(Primer, short dna)ลงไปในระบบ เพื่อให้เกิดการเกาะแบบเข้าคู่กันของเบส(Complementary base pair)ระหว่างไพร์เมอร์(Primer) กับ Template DNA โดยอุณหภูมิที่ใช้อยู่ในช่วง 37-60 องศาเซลเซียส 3. Extension คือ เป็นขั้นตอนการ ใส่ DNA polymerase ลงไปในระบบ เพื่อให้เกิดการสังเคราะห์ดีเอ็นเอ(DNA)สายใหม่ หรือ เพิ่มปริมาณของดีเอ็นเอ(DNA)ให้มากขึ้น โดยอุณหภูมิที่ใช้อยู่ในช่วง 72-75 องศาเซลเซียส
ศ. 1993 จากการค้นพบเทคนิคพีซีอาร์นี้ หากสนใจประวัติของเค้าก็เข้าที่เวบไซต์ต่อไปนี้ได้เลยค่ะ เราจะต้องอาศัยสิ่งใดบ้างจึงจะสามารถสร้าง DNA ได้? การทำพีซีอาร์อาศัยสิ่งต่อไปนี้ในการทำปฏิกิริยา อย่างแรก... ที่ขาดไม่ได้คือชิ้นส่วนของ DNA ที่เราต้องการจำลองนั่นเองคะ เรียกว่า DNA แม่แบบ (DNA Template)ซึ่งข้อดีของเทคนิคพีซีอาร์นี้คือใช้ตัวอย่าง DNA ที่สกัดจากตัวอย่าง เช่น เลือด เนื้อเยื่อ เพียงเล็กน้อย (ประมาณ 5 ไมดครลิตร) ก็สามารถนำมาเพิ่มจำนวนได้มากมายแล้ว ส่วนต่อมา … ที่จำเป็นในการสังเคราะห์ DNA คือ เอนไซม์ DNA polymerase ซึ่งจะใช้ชนิดพิเศษ ที่สามารถทนความร้อนได้สูง นั่นคือ Taq polymerase โดยสกัดมาจากแบคทีเรีย ( Thermus aquaticus) ที่สามารถทนความร้อนได้ดีและอาศัยในน้ำพุร้อน ทำไมจึงต้องเลือกใช้เอนไซม์ที่สามารถทนความร้อนสูง ๆ ได้ด้วยนะ?
5 -5 ชั่วFดมง หลังจากทำปฏิกิริยาจะได้สาย DNA สายใหม่จำนวนมากที่ถูกกำหนดตามขนาด ของระยะห่างของไพรเมอร์ทั้งสองสายที่จับกับ DNA แม่แบบ จากนั้นนำผลิตภัณฑ์พีซีอาร์ไปตรวจสอบด้วย agarose gel electrophoresis ผลิตภัณฑ์พีซีอาร์ และ DNA ladder ซึ่งเป็นชิ้นส่วนของ DNA ที่ทราบขนาด ในปัจจุบันเทคนิคพีซีอาร์ใช้กันอย่างแพร่หลายทั้งในด้านการแพทย์ เช่น ใช้ในการตรวจสอบโรค ด้านพันธุวิศวกรรม ใช้ในการเพิ่มปริมาณยีนเพื่อที่จะนำมาศึกษาและการหาลำดับนิวคลีโอไทด์ เอกสารอ้างอิง สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. 2548. หนังสือเรียนสาระการเรียนรู้พื้นฐานและเพิ่มเติมชีววิทยา เล่ม 5 กลุ่ม สาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 หลักสูตร การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2544. 255 หน้า ประดิษฐ์ พงศ์ทองคำ. 2543. พันธุศาสตร์. สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. กรุงเทพฯ. 398 หน้า Leland H. Hartwell, et. al. 2000. Genetics From Genes to Genomes. The McGraw-Hill Companies, United State of Amarica. 820 p Robert H. Tamarin. 2002. Principles of Genetics 7th. The McGraw-Hill Companies, United State of Amarica. 684 p Polymerase Chain Reaction – Xeroxing DNA (1992).
อัปเดตเมื่อ 25 ก. พ. การตรวจโควิด-19 เป็นเรื่องที่ทุกคนต้องให้ความสำคัญ โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง ผู้ที่มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วย หรือผู้ที่เริ่มมีอาการต้องสงสัย ควรเข้ารับการตรวจโควิด-19 ทันที ด้วยวิธีการที่เหมาะสม ซึ่งการตรวจโควิด-19 ถือเป็นเรื่องใหม่ในวงการแพทย์ จึงทำให้หลายคนยังสงสัยกันอยู่ว่ามีวิธีตรวจกี่แบบ และแต่ละแบบต่างกันอย่างไร ควรตรวจแบบไหนดี วิธีตรวจโควิด-19 มีกี่แบบ? ปัจจุบัน วิธีการตรวจโควิด-19 มีอยู่ 2 แบบหลักๆ คือ Antigen Test Kit (ATK) หรือ Rapid Antigen Test Real Time Polymerase Chain Reaction (RT-PCR) การตรวจแบบ ATK กับ RT-PCR ต่างกันอย่างไร? Antigen Test Kit (ATK) หรือ Rapid Antigen Test เป็นวิธีการตรวจโควิด-19 ที่สะดวกและรวดเร็ว รู้ผลภายใน 15 - 30 นาที ซึ่งทุกวันนี้มีชุดตรวจ ATK แบบ Home use หรือ Self-test สำหรับให้ผู้ตรวจซื้อมาตรวจเองที่บ้านได้ กับชุดตรวจแบบ Professional use สำหรับตรวจที่โรงพยาบาลและคลินิกเวชกรรม การตรวจ ATK เป็นการตรวจหาชิ้นส่วนโปรตีนของเชื้อไวรัสด้วยการเก็บตัวอย่างเชื้อจากสารคัดหลั่งบริเวณลำคอและหลังโพรงจมูก นำมาหยอดน้ำยาในตลับตรวจเพื่อหาเชื้อเบื้องต้น ซึ่งหากตรวจด้วยขั้นตอนและชุดตรวจที่ไม่ได้มาตรฐานก็อาจทำให้ผลตรวจคลาดเคลื่อนได้ ดังนั้น จึงควรใช้ชุดตรวจที่ผ่านมาตรฐาน ขึ้นทะเบียนกับทาง อย.
PCR (พีซีอาร์) ย่อมาจาก Polymerase Chain Reaction คือ เทคนิคหนึ่งที่มักใช้ในงานวิจัย ทางด้านอณูชีววิทยา(Molecular biology)อยู่บ่อยๆ PCR (พีซีอาร์)คือ กระบวนการในการ สังเคราะห์ชิ้นส่วนของดีเอ็นเอ(DNA)ในหลอดทดลอง โดยวิธีการได้เลียนแบบมาจากการ สังเคราะห์ดีเอ็นเอ(DNA)ในสิ่งมีชีวิต ผู้คิดค้นเทคนิค PCR (พีซีอาร์)นี้ คือ Karry Mullis ซึ่งนักวิจัย โดยส่วนมากจะใช้เทคนิค PCR (พีซีอาร์)นี้ในการเพิ่มปริมาณของสารพันธุกรรม หรือ ดีเอ็นเอ(DNA) โดยใช้เครื่อง PCR machine หรือ Thermal cycler เป็นตัวช่วยให้เกิดปฏิกิริยา
Extension คือ เป็นขั้นตอนการ ใส่ DNA polymerase ลงไปในระบบ เพื่อให้เกิดการสังเคราะห์ DNA สายใหม่ หรือ เพิ่มปริมาณของ DNA ให้มากขึ้น โดยอุณหภูมิที่ใช้อยู่ในช่วง 72-75 องศาเซลเซียส และทั้งหมดจะเกิดขึ้นซ้ำๆจนได้ปริมาณตามที่เราต้องการ เป็นอันเสร็จกระบวนการ
เรา นางสาวนันทยา อัครอารีย์ จะผลิต DNA ได้อย่างไร? โดยปกติแล้วสิ่งมีชีวิตม ี การสังเคราะห์ DNA (DNA Replication) ขึ้นใหม่ในระหว่างที่มีการ แบ่งเซลล์โดย DNA จะแยกออกจากกันเป็นสองสายคล้ายกับการรูดซิบ และพอลินิวคลีโอไทด์แต่ละสายจะ ทำหน้าที่เป็นแม่พิมพ์ในการสร้าง DNA สายใหม่ ทำให้ได้ DNA สายใหม่ที่เหมือนกับ DNA โมเลกุลเดิม ทุกประการ แล้วเราจะสามารถสร้าง DNA ขึ้นมาเองบ้างได้หรือไม่?
ข้ามไปเนื้อหา จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี ปฏิกิริยาลูกโซ่นิวเคลียร์ ฟิชชัน ที่เป็นไปได้ 1. อะตอม ยูเรเนียม-235 ดูดซับ นิวตรอน และแตกเป็นสองอะตอมใหม่ (การแตกตัว), ปล่อยนิวตรอนใหม่ 3 นิวตรอน และพลังงาน 2. หนึ่งในนิวตรอนเหล่านั้นถูกดูดซับโดยอะตอมของ ยูเรเนียม-238 และไม่เกิดปฏิกิริยาต่อ นิวตรอนที่เหลือในระบบไม่ถูกดูดซับ อย่างไรก็ตาม นิวตรอนหนึ่งอาจไปชนกับอะตอมยูเรเนียม-235 และแตกตัวปลดปล่อยนิวตรอนสองนิวตรอนและพลังงาน 3.
PCR – Polymerase Chain Reaction เทคนิคที่โคตรสำคัญใน Molecular Biology จากแบคทีเรียในน้ำพุร้อนสู่เทคนิคการสังเคราะห์ DNA PCR ย่อมาจาก Polymerase Chain Reaction เป็นเทคนิคหนึ่งที่มักใช้ในงานวิจัย Molecular Biology อยู่บ่อยๆ PCR คือ กระบวนการในการสังเคราะห์ชิ้นส่วนของดีเอ็นเอ(DNA)ในหลอดทดลอง โดยวิธีการได้เลียนแบบมาจากการสังเคราะห์ DNA ในสิ่งมีชีวิต ผู้คิดค้นเทคนิค PCR นี้ คือ Karry Mullis โดยส่วนมากเทคนิค PCR ใช้ในการเพิ่มปริมาณของสารพันธุกรรม หรือ DNA โดยใช้เครื่อง PCR machine หรือ Thermal cycler เป็นตัวช่วยให้เกิดปฏิกิริยา PCR มีอยู่ 3 ขั้นตอนหลักๆ คือ 1. Denaturing คือ เป็นขั้นตอนการแยก DNA ที่เป็น Double Strand DNA (คือ สภาพ Native DNA) ด้วยการเพิ่มอุณหภูมิอย่างช้าๆจนกลายเป็น DNA สายเดี่ยว หรือ Single Strand DNA (คือ สภาพ Denatured DNA) อุณหภูมิที่ใช้อยู่ในช่วง 90-95 องศาเซลเซียส 2. Annealing คือ เป็นขั้นตอนการลดอุณหภูมิลงอย่างช้าๆและใส่ Primer (เหมือนตัวบอกตำแหน่งว่าให้เริ่มสังเคราะห์ตรงนี้)ลงไปในระบบ เพื่อให้เกิด Complementary base pair ระหว่าง Primer กับ Template DNA โดยอุณหภูมิที่ใช้อยู่ในช่วง 37-60 องศาเซลเซียส 3.