ชื่อของกฎหมาย ได้แก่ ประมวลกฎหมายอาญา ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง เป็นต้น 2.
กฎหมายทั่วไป Introduction to Law: ระบบกฎหมาย
กิตติศักดิ์ได้กล่าวโดยสรุปโดย "เสนอมุมมองในแง่ประวัติศาสตร์กฎหมายเปรียบเทียบหรือการเปรียบเทียบกฎหมายโดยใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์เข้ามาประกอบด้วยซึ่งเป็นวิธีการที่เราควรจะนำเข้ามาเป็นจุดสนใจสำหรับการนำเข้ามาค้นความและศึกษาในทางวิชาการต่อไป" ผศ. มุนินทร์ ได้สรุปตอนท้ายว่า ตนคิดว่าการแบ่งแยกคอมมอนลอว์และซีวิลลอว์มีความจำเป็นมากเป็นพิเศษสำหรับความเข้าใจที่มาของกฎหมายเอกชนและการทำความเข้าใจนิติวิธีของกฎหมายเอกชน แต่ไม่ได้มีความสำคัญมากที่สุดหรืออย่างมากมายมหาศาลที่บางท่านเข้าใจ เพราะฉะนั้นควรที่จะให้ความสำคัญกับความแตกต่างระหว่างซีวิลลอว์กับคอมมอนลอว์อย่างระมัดระวังและไม่ยึดติดกับความแตกต่างนี้มากเกินไป สำหรับสาระสำคัญของตำรา "ระบบกฎหมายซีวิลลอว์: จากกฎหมายสิบสองโต๊ะสู่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์" โดยผศ. มุนินทร์ พงศาปาน สามารถอ่านได้ที่ สรุปความโดย นายอานนท์ แก้วปัญญา นักศึกษาระดับปริญญาโท ชั้นปีที่ 2 สาขากฎหมายธุรกิจ เรียบเรียงโดย ผศ. กรศุทธิ์ ขอพ่วงกลาง อาจารย์ประจำศูนย์กฎหมายแพ่ง และศูนย์กฎหมายพาณิชย์และธุรกิจ
1. กฎหมายคืออะไร คำจำกัดความของ " กฎหมาย " หมายถึงคำสั่งหรือข้อบังคับความประพฤติของมนุษย์ ซึ่งผู้มีอำนาจสูงสุด หรือรัฏฐาธิปัตย์เป็นผู้บัญญัติขึ้นผู้ใดฝ่าฝืน มีสภาพบังคับ 2.. ลักษณะสำคัญของกฎหมาย มีอะไรบ้าง?
ดู เดชอุดม ไกรฤทธิ์ " ความไม่เสมอภาคของผู้ต้องหาและจำเลยในการต่อสู้คดีอาญาในประเทศไทย" รพีสาร วารสารของสมาคมนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สมัยที่ 14 ฉบับที่ 1 กรกฎาคม - ตุลาคม 2546 หน้า 104) ดังจะเห็นได้จากบุคคลในกระบวนการยุติธรรมของฝ่ายตุลาการ ที่มีตำแหน่งหน้าที่สูงของไทยเราต่างเป็นนักกฎหมายที่สำเร็จการศึกษาหรือการศึกษาเพิ่มเติมจากประเทศอังกฤษแทบทั้งสิ้น ( มีต่อ km - กฏหมาย 3)
มีอยู่ 4 ระบบใหญ่ๆ 1.
วิ. พ. มาตรา 104 การวินิจฉัยข้อเท็จจริงในคดีอาญา มีกฎเกณฑ์ไว้แน่นอนระบุไว้อย่างชัดเจนว่าทำความผิดหรือไม่ ตามหลักอยู่ใน ป. อ. มาตรา 227 ในระบบคอมมอน ลอว์ของต่างชาติ เน้นเรื่องหลักสามัญสำนึกของบุคคลธรรมดาทั่วไป ที่มีสติปัญญาวินิจฉัยข้อเท็จจริงต่างๆ จึงเป็นระบบการพิจารณาคดีโดยคณะลูกขุน แต่สำหรับในประเทศไทย เป็นระบบซีวิล ลอว์ จะเน้นในเรื่องของการชั่งน้ำหนักพยาน เพราะคำพิพากษาของศาลจะแสดงให้เห็นถึงปรัชญาในการวินิจฉัยความน่าเชื่อถือของพยานหลักฐานแต่ละชิ้น
คำพิพากษาของศาล มีเฉพาะบางประเทศเท่านั้นที่ถือเอาคำพิพากษาของศาลมาจัดทำเป็นกฎหมาย เช่น ประเทศอังกฤษ คือใช้จารีตประเพณีมาพิจารณาพิพากษาคดีและเพื่อไม่ให้มีกรณีเดียวกันนี้เกิดขึ้นซ้ำอีกก็จะนำคำพิพากษานั้นมาจัดทำเป็นกฎหมายเพื่อให้ทุกคนปฏิบัติตาม หากมีคดีที่มีข้อเท็จจริงเหมือนกันเกิดขึ้นอีก ศาลก็จะตัดสินเหมือนกับคดีก่อนๆ แต่ในหลายๆประเทศคำพิพากษาเป็นเพียงแนวทางในการพิจารณาพิพากษาของศาลเท่านั้น ศาลอาจใช้ดุลพินิจพิจารณาพิพากษาต่างจากคดีก่อนๆได้ จึงไม่ถือคำพิพากษาของศาลเป็นกฎหมาย เช่น ประเทศไทยเราเป็นต้น 5.