ไม่มีความรู้ทางกฎหมายครับ อ่านหนังสือพิมพ์เจอข่าวที่เป็นที่สนใจของสังคมตอนนี้คือปัญหาของสายการบินนกแอร์ ที่รัฐออกมาประกาศการตรวจสอบจำนวนชั่วโมงบินของนักบินว่าหากพบว่าเกิน จะมีความผิดทั้งทางอาญา และ ทางปกครอง รบกวนขอความรู้ครับ และหากอธิบายว่าแตกต่างจากโทษทางอาญา หรือทางแพ่ง หรืออื่นๆ (หากมี) ได้เพื่อความเข้าใจเพิ่มเติมจะดีมากครับ หากแท๊กผิดห้องต้องขออภัยด้วยครับ แสดงความคิดเห็น
ในกรณีที่มีการมอบหมายหน้าที่ให้กับผู้ประมวลผลข้อมูลนั้น ผู้ควบคุมข้อมูลจะต้องจัดให้มีข้อตกลงกับผู้ประมวลผลข้อมูล เพื่อควบคุมการดำเนินงานของผู้ประมวลผลข้อมูล ให้เป็นไปตาม พระราชบัญญัติ(พ. ร. บ. )
เมื่อเร็ว ๆ นี้ มีการประกาศเลื่อนบังคับใช้ พ. ร. บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ. ศ. 2562 ไปอีกหนึ่งปีจากกำหนดการเดิมคือ 1 มิถุนายน 2564 โดยเป็นการประกาศจาก กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งคาดว่าจะมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการในปี พ. 2565 เพื่อลดผลกระทบต่อธุรกิจภาครัฐและเอกชน ที่ยังไม่พร้อมในการปฏิบัติตามข้อบังคับเนื่องจากสถานการณ์การระบาดร้ายแรงโควิด-19 ที่ผ่านมา หลายธุรกิจตื่นตัวในเรื่องข้อบังคับตามกฏหมายอย่างเคร่งครัด เนื่องจากมีบทลงโทษทางแพ่ง ทางอาญาและทางปกครองหลายประการสำหรับผู้ที่กระทำความผิดต่อการควบคุมข้อมูลของประชาชน จึงทำให้หลายภาคส่วนยื่นคำขอพิจารณาถึงคณะรัฐมนตรี (ครม. ) เพื่อให้ขยายเวลาการบังคับใช้ เพราะมีหลายกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับ พ. 2562 ที่ไม่สามารถปฏิบัติตามได้ทันทีและอาจผิดตามกฏหมายข้อบังคับและถูกลงโทษได้ โดยหน่วยงานหรือบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ พ.
ตอบโต้คำพูดของไบเดน โดยบอกว่า "เราจำเป็นต้องลดความตึงเครียด เราจำเป็นต้องลดความตึงเครียดทางทหาร และลดความตึงเครียดจากถ้อยคำโวหาร" แม้บ่อยครั้ง ไบเดน อวดอ้างว่าสหรัฐฯ มีความเป็นหนึ่งเดียวกับพันธมิตรยุโรป นับตั้งแต่รัสเซียเปิดฉากรุกรานยูเครน แต่ดูเหมือนคำพูดของเขาในวอร์ซอ ที่เล็งเป้าหมายเล่นงานปูติน ได้ก่อความไม่สบายใจแก่พันธมิตรบางส่วน ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง แห่งฝรั่งเศส ระบุในวันอาทิตย์ (27 มี. ) ว่าเขาจะไม่ใช้ถ้อยคำแบบนี้ "เพราะผมยังคงเดินหน้าพูดคุยกับปูติน พวกเราต้องการทำในสิ่งที่ถูกต้องกันไหม?
ก. พ. กระทรวง เกษตรและสหกรณ์ แต่ถูกยกอุทธรณ์ จึงได้ยื่นฟ้องอธิบดีกรมชลประทาน (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1) และ อ. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2) ต่อศาลปกครองขอให้มีคำพิพากษาเพิกถอนคำสั่งลงโทษปลด ผู้ฟ้องคดีทั้งสามออกจากราชการ และมติที่ยกอุทธรณ์ของผู้ฟ้องคดี ประเด็นก็คือ พฤติการณ์การกระทำของลูกจ้างดังกล่าว ถือเป็นการ กระทำความผิดวินัยฐานประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงหรือไม่? และการลงโทษปลดออกจากราชการเ หมาะสม กับการกระทำความผิด ดังกล่าว หรือไม่? คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ. 142/2559 เรื่องนี้ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยว่า เมื่อ หน้าที่ความรับผิดชอบของผู้ฟ้องคดีทั้งสาม ที่เป็นเพียงลูกจ้างประจำ ไม่ได้มีหน้าที่ในการกวดขันการกระทำผิดกฎหมาย โดย มีหน้าที่เกี่ยวกับการดูแล อาคารของหน่วยงาน ไม่ได้มีหน้าที่ติดต่อหรือบริการประชาชนโดยตรง และในการกระทำผิดไม่ได้เป็นเจ้ามือ เจ้าสำนักหรือเล่นการพนันเป็นอาจิณ และ ความผิดดังกล่าวได้กระทำนอกเวลาราชการมิได้ก่อให้เกิด ความเสียหายแก่ราชการ ประกอบกับเมื่อพิจารณา แนวทางการลงโทษกรณีการกระทำความผิดลักษณะดังกล่าว ซึ่ง ก.
การปฏิบัติต น ของข้าราชการและลูกจ้างของส่วนราชการ จะต้องระมัดระวังในเรื่องความประพฤติ โดยไม่กระทำการใดที่ ทำให้เสื่อมเสียเกียรติศักดิ์ ของตำแหน่งหน้าที่ อันเป็นความผิดวินัยฐานประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงที่จะทำให้ถูกลงโทษได้ ในส่วนโทษสำหรับ การกระทำความผิดวินัยอย่างร้ายแรงตามพระราชบัญญัติ ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ. ศ. 2551 ก็คือ ปลดออกและไล่ออก และโทษสำหรับ การกระทำ ความผิดวินัย อย่างไม่ร้ายแรงก็คือ ภาคทัณฑ์ ตัดเงินเดือน และลดเงินเดือน ในส่วนของลูกจ้างประจำของส่วนราชการ มีระเบียบ คือ ระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยลูกจ้างประจำของส่วนราชการ พ.